จื้อก้ง : แสงสว่างและเกลือของโลก มีอยู่ที่นี่

2025-02-05 15:02:51

ต้นศตวรรษที่20 เป็นยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมเกลือร้อยปีที่ผ่านมาเมืองจื้อก้งมณฑลเสฉวนได้ผ่านความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยในยุคหนึ่งมันเคยถูกผลักดันขึ้นสู่กระแสสูงแล้วกลับจมดิ่งสู่ความเงียบเหงาเคยเป็นแหล่งผลิตเกลือส่งไปขายยังท้องที่ต่างๆกว่าค่อนประเทศจีนสินค้าพิเศษจำพวกไดโนเสาร์โคมไฟหัตถกรรมพื้นบ้านที่“ส่องสว่างโลก” บนโลกใบนี้คงไม่มีแห่งใดที่มีตำนานอัศจรรย์เฉกเช่นเมืองจื้อก้งอีกแล้ว

เมืองที่เติบโตมาจากกองเกลือ

เมื่อกล่าวถึงจื้อก้งคนส่วนใหญ่จะนึกถึงเกลือเป็นอันดับแรกชื่อ“จื้อก้ง” มีที่มาจากชื่อบ่อเกลือสองแห่งคือบ่อจื้อหลิวกับบ่อก้งตั้งแต่ปลายศตวรรษที่19 ถึงต้นศตวรรษที่20 เมืองต่างๆในละแวกใกล้บ่อเกลือทั้งสองแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นและยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย

ในปัจจุบันร้านค้าเก่าๆจำนวนมากได้ถูกรื้อถอนในระหว่างการปรับปรุงบ้านเมืองแต่เขตชุมชนเก่าบ่อก้งจิ่งยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมส่วนใหญ่ไว้ร้านนาฬิการ้านขายซีอิ๊วร้านช่างเงินร้านตัดผมฯลฯตั้งเรียงรายอยู่ตามริมทางแม้ว่าร้านค้าต่างๆจะเปลี่ยนมือเจ้าของหลายครั้งบ้างก็มีสภาพทรุดโทรมขาดการซ่อมแซมมานานปีแต่ยังคงพอมองเห็นภาพสะท้อนในอดีตผ่านป้ายประวัติที่ติดบนผนังด้านนอกของสิ่งปลูกสร้าง

ชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในร้านค้าเล่าให้ฟังว่าในช่วงปลายราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิงถนนพลุกพล่านสายนี้เชื่อมต่อถึงท่าเทียบเรือเป็นแหล่งรวมธุรกิจการค้าจำนวนมากผู้ที่สามารถซื้อที่ดินประกอบธุรกิจย่านนี้แทบทั้งหมดเป็นพ่อค้าเกลือที่มั่งคั่งมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจปัจจุบันบ้านเก่าของพ่อค้าเกลือส่วนใหญ่ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าไปนานแล้วแทนที่ด้วยศูนย์การค้าของเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

เมื่อประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ถดถอยลงเหมือนกระแสน้ำความเชื่อมโยงระหว่างเกลือกับเมืองเล็กที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจึงมีความลึกซึ้งละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้นคุณตาเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับเกลือให้ฟังว่าสมัยนั้นที่บ้านคุณตามีพี่น้องหลายคนครอบครัวยากจนไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆได้ทุกคนตอนคุณตาอยู่ที่โรงเรียนหลายๆวันจึงจะได้กินข้าวสักมื้อสองมื้อเพื่อต่อสู้กับความหิวคุณตาจึงพกกระปุกใส่เกลือติดตัวไปด้วยเวลาหิวขึ้นมาก็เอานิ้วก้อยจุ่มเม็ดเกลือติดขึ้นมานิดหน่อยส่งเข้าปากหรือละลายในน้ำแล้วดื่มแม้ว่ามันไม่ช่วยให้อิ่มท้องแต่ในช่องปากจะมีรสเค็มของเกลือจึงทำให้รู้สึกเสมือนเพิ่งกินข้าวกระปุกเกลือนี้อยู่เคียงกายมาตลอดช่วงวัยเยาว์ของคุณตาซึ่งช่วยพยุงกายคุณตาจนสามารถก้าวออกจากเมืองภูเขา   

กลุ่มคนที่จุดความสว่างไสวให้โลกด้วยโคมไฟ

ที่จื้อก้งโคมไฟช่วยให้มนุษยชาติบรรลุจินตนาการอันบรรเจิดอย่างไร้ขีดจำกัดเพราะท้ายที่สุดแล้วตัวละครในเกมกับ“ไดโนเสาร์” ที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วได้มาประจันกันบนเวทีเดียวกันซึ่งนอกจากในความฝันแล้วยังพบเห็นได้เฉพาะในเทศกาลโคมไฟเท่านั้น 

เหล่าเกาในวัย46 ปีเป็นช่างออกแบบเขาต้องขึ้นรูปทรงเส้นลวดดัดลวดที่แข็งทื่อให้โค้งงออ่อนช้อยเส้นลวดเหล่านี้เมื่อเชื่อมโยงเข้าด้วยกันมันคือโครงร่างโคมไฟหลากรูปทรงสีสันในเทศกาลโคมไฟ

ในตอนแรกครูฝึกมองว่าเหล่าเกาไม่มีไหวพริบสอนยากจึงไม่อยากพาเขาออกงานด้วยแต่เขากลับเป็นคนที่ดื้อดึงหัวรั้นถ้าหากยังตีโจทย์การขึ้นรูปไม่ได้เขาจะสาละวนอยู่กับเส้นลวดนั้นทุกวันหลังจากผ่านการฝึกขึ้นรูปเส้นลวดซ้ำๆจนนับครั้งไม่ถ้วนในที่สุดเหล่าเกาก็กลายเป็นช่างฝีมือระดับปรมาจารย์

ในจื้อก้งคนงานที่ผลิตโคมไฟเช่นเหล่าเกามีมากกว่าแสนถึงสองแสนคนเติ้งกุ้ยยิงผู้จัดการใหญ่เครือบริษัทLongteng Group ผู้ผลิตโคมไฟรายใหญ่ในท้องถิ่นกล่าวติดตลกว่าทักษะในการทำโคมไฟดูเหมือนจะฝังแน่นอยู่ในDNA ของชาวจื้อก้ง

เติ้งกุ้ยยิงกล่าวแนะนำว่าโคมไฟขนาดยักษ์ในจื้อก้งส่วนใหญ่ขึ้นรูปด้วยเส้นลวดจากนั้นขึงด้วยผ้า“แม้ว่าจะมีโคมไฟแบบนี้ในหลายๆเมืองแต่ฝีมืองานเดินลวดของจื้อก้งจะมีเทคนิคแตกต่างจากภูมิภาคอื่นรูปลักษณ์โคมไฟของจื้อก้งส่วนใหญ่จะมีเส้นลวดแนวตั้งเป็นหลักเส้นสายอ่อนช้อยสวยงามโดยเฉพาะเส้นสายส่วนที่เป็นเค้าโครงใบหน้าและลำตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นลวดในแนวตั้งตัดขวางแล้วมันมีความกระชับเรียบง่ายกว่า”

ปัจจุบันโคมไฟของบริษัทเติ้งกุ้ยยิงถูกส่งออกไปจำหน่ายมากกว่า50 ประเทศและภูมิภาค“เมื่อหลายปีก่อนมีเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่หน้างานได้บันทึกภาพฉากที่ผู้คนมาชมโคมไฟของเราเขาบอกฉันว่า‘ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขขนาดนี้มาก่อนพวกเขามีความสุขมากกว่าเก็บทองคำได้เสียอีก’ ตอนนั้นฉันก็เริ่มวาดหวังว่าต้องจุดความสว่างไสวให้โลกด้วยโคมไฟจื้อก้ง”

กลับสู่เมืองโบราณ

ที่บริเวณหน้าผาหมื่นพุทธไม่ไกลจากชุมชนเก่าก้งจิ่งมีร้านหนังสือแห่งหนึ่งชื่อ“ห้องหนังสือหลั่งคง” ผู้บริหารสองคนของ“ห้องหนังสือหลั่งคง” คืออาเลี่ยงกับเซียวเซียวเป็นผู้ย้ายเข้ามาใหม่ของเมืองนี้ในขณะที่คนในท้องถิ่นย้ายไปยังถิ่นอื่นเนื่องจากการโยกย้ายของโรงงานและคนหนุ่มสาววิ่งตามหาโอกาสในเมืองใหญ่แต่หนุ่มสาวคู่นี้กลับเลือกที่จะมาจื้อก้งและตั้งรกรากที่ชุมชนเก่าก้งจิ่ง

คู่รักที่รักการเดินทางอยากมีที่ลงหลักปักฐานในเมืองริมที่ราบสูงสักแห่งหนึ่งหลังจากที่ตะเวนสำรวจไปหลายเมืองพวกเขาจึงเลือกที่จื้อก้งกล่าวอ้างตามคำพูดของเซียวเซียวคือทุกพื้นที่ในจื้อก้งสามารถมองเห็นประวัติศาสตร์

เมืองเฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนเป็นที่ตั้งของร้านหนังสืออิสระมานานแล้วซึ่งก่อนที่“ห้องหนังสือหลั่งคง” จะมาเปิดในจื้อก้งยังไม่มีแนวคิดของร้าน“หนังสือ+ กาแฟ” เมื่อถูกถามว่า“คุณกังวลหรือไม่ว่าแนวคิดนี้ล้ำหน้าเกินไปสำหรับจื้อก้งอาเลี่ยงกับเซียวเซียวกล่าวตอบด้วยประสบการณ์การเปิดร้านมาได้สามเดือนแล้วว่าแม้ว่าในร้านจะมีลูกค้าไม่มากนักแต่พบว่ามีคนท้องถิ่นที่มาอ่านหรือนั่งทำงานที่นี่มีแม้กระทั่งผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานผู้ชื่นชอบสะสมภาพท่องเที่ยว

ร้านหนังสือแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่จากบ้านเก่าการตกแต่งในร้านนอกจากเฟอร์นิเจอร์เก่าในยุค80 ที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้แล้วเฟอร์นิเจอร์อื่นๆเกือบทั้งหมดอาเลี่ยงกับเซียวเซียวไปกวาดซื้อมาจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงหรือจากตลาดนัดของเก่าเช่นชั้นวางหนังสือขนาดยาวใต้หน้าต่างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเตียงโบราณการตบแต่งที่เรียบง่ายแบบโบราณและไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ก้าวออกมาจากวิถีเมืองเชื่อมโยงกันโดยผ่านร้านหนังสือ

 

จื้อก้ง : แสงสว่างและเกลือของโลก มีอยู่ที่นี่