ผมอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในใจม่า
การดูแลคนแก่คุณจะได้รับอะไรบ้าง “หลานม่า” ภาพยนตร์เรื่องนี้จะบอกคุณว่าคุณอาจจะได้บ้านหรืออาจจะได้รับความจริงใจ
ล่าสุดภาพยนตร์ไทยเรื่อง“หลานม่า” ครองบ็อกซ์ออฟฟิศและโด่งดังมากในจีนแผ่นดินใหญ่กวาดรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทะลุ100 ล้านหยวนนับตั้งแต่เริ่มฉายภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ“เอ็ม” ชายหนุ่มที่หวังว่าจะได้รับมรดกจากการดูแลอาม่าที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
การดูแลผู้สูงอายุเพื่อหวังมรดกฟังดูคล้ายจะอกตัญญูไปสักหน่อยหลายๆฉากในหนังเอ็มและลูกสะใภ้ซึ่งใช้คนละนามสกุลแลดูฐานะอาจจะห่างเหินและกลายเป็นคนนอกหากมองด้านความผูกพันเมื่อได้ยินข่าวว่าอาม่าเป็นมะเร็งเอ็มกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวยังคงเล่นเกมหน้าตาเฉยอีกทั้งงานรวมญาติประจำสัปดาห์เอ็มก็โผล่หน้าไปไม่กี่ครั้ง ด้านสถานะในครอบครัวเขาแทบไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยตอนที่ลุงของเขาห้ามไม่ให้ไปดูแลอาม่าคุณลุงก็พูดว่า“เป็นเรื่องสมควรแล้วที่ลูกชายจะต้องดูแลแม่มีที่ไหนให้หลานไปดูแลอาม่า” แต่ต่อมาเอ็มก็ได้เข้าไปอยู่ในบ้านของอาม่าพร้อมกับเก็บงำความคิดลึกๆไว้
ขณะที่เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปหนุ่มน้อยผู้“บ้าระห่ำ” และอาม่าที่“ปากร้ายแต่ใจดี” เริ่มหยั่งเชิงกันและค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน... เป็นครั้งแรกที่เอ็มตื่นแต่เช้ามาช่วยอาม่าตั้งแผงขายโจ๊กเป็นครั้งแรกที่เอ็มใช้รองเท้าเข้าคิวหาหมอที่โรงพยาบาลและเป็นครั้งแรกที่เอ็มกอดร่างกายที่ผ่ายผอมราวกับเด็กทารกของอาม่าทั้งคู่ค่อยๆละทิ้งความหวาดระแวงซึ่งกันและกันเอ็มซึมซับความขยันหมั่นเพียรจากอาม่าส่วนอาม่าก็เริ่มหัวเราะกับมุขตลกที่ไร้สาระของเขาในขณะเดียวกันเอ็มก็ได้เห็นความลับและความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ซับซ้อนของคนรุ่นก่อนเป็นครั้งแรกแม่ของเขาทุ่มเทอย่างเงียบๆแต่กลับไม่ได้รับความสนใจลุงใหญ่มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเองและหมกมุ่นอยู่กับงาน น้า(อากู๋โส่ย) เป็นหนี้การพนันและต้องพึ่งพาเงินทองของอาม่าเดิมทีเอ็มเชื่อว่า“ทุกอย่างสามารถซื้อขายได้” “การทุ่มเทก็ควรได้รัผลตอบแทน” เขาไม่เข้าใจว่าถ้าไม่ใช่เพื่อบ้านแล้วทําไมแม่ถึงต้องยอมเปลี่ยนกะกลางคืนเพื่อมาดูแลอาม่าน้าทำร้ายความรู้สึกของอาม่าหลายครั้งแต่ทำไมอาม่ายังยกบ้านให้... เขาถามอาม่าว่า“ผมอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ในใจม่า”
ในคอมเมนต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ชาวเน็ตต่างพากันเห็นใจแม่ของเอ็มที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมองว่าสิ่งที่เธอพูด“การให้ย่อมสุขใจมากกว่าการรับเสมอ” เป็นแค่ประโยคปลอบใจตัวเองแต่ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขานึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กกับอาม่าพวกเขายังคงรู้สึกอบอุ่นในใจพวกเขาไม่เคยลืมรองเท้าผ้าที่อาม่าอดหลับอดนอนเย็บให้ไม่เคยลืมรสชาติของขนมโก๋น้ำตาลที่อาม่าต้องเดินหลายกิโลเมตรและซื้อกลับมาให้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากนักแต่คุณค่าของมันมาจากความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่“ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข” กลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเราใช้การให้และผลตอบแทนมาวัดความสัมพันธ์ว่า“ใครไกลใครใกล้” เราใส่ใจเรื่องกําไรและขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มักจะสอบถามว่าพ่อแม่ว่าให้อั่งเปาหลานบ้านอื่นๆคนละเท่าไหร่หรือพ่อแม่ให้เงินช่วยซื้อบ้านกับพี่ๆน้องๆมากน้อยเพียงใดทว่าช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดแห่งความรักในครอบครัวที่อยู่ลึกลงไปในความทรงจำของพวกเรามักไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทอง
พอดูหนังเสร็จฉันก็คุยกับเพื่อนๆเรื่องแม่ของฉันทุกครั้งที่กลับบ้านอาม่าแม่มักจะช่วยอาม่าฆ่าไก่ถูพื้นล้างมุ้งลวดเทอาหารที่เหลือข้ามคืนทิ้งแต่ก็ยังถูกอาม่ารังเกียจแม่บอกว่าแม่ก็เหนื่อยมากเหมือนกันทว่าเมื่อใดก็ตามที่อาม่าจับมือแม่และแอบบอกอะไรบางอย่างจากใจหรือเมื่องานรวมญาติสิ้นสุดลงและอาม่าแอบยัดอั่งเปาให้แม่แม่ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่อาม่าสนิทที่สุด“อาม่าเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง”นักจิตวิทยาเชื่อว่า“ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข” เป็นทางเลือกหนึ่งที่เราจะมอบตัวตนที่เปราะบางและตัวเราเองทั้งหมดให้กับความสัม-พันธ์ที่ไม่รู้จักและเป็นความเชื่อที่มอบให้กับใครคนหนึ่งโดยไม่สนใจผลลัพธ์” เป็นเพราะช่วงเวลาที่“เราไม่คำนึงถึงตัวเอง” เหล่านี้ความสัมพันธ์จึงกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าชายหนุ่มคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคที่ประหลาดเขาทรุดลงบนถนนหลังจากมีข่าวออกไปชาวเน็ตทั่วประเทศจีนส่งของมาให้เขาบางคนส่งขวานไม้พะยูงเล็กๆมาให้บางคนวาดภาพพระอาทิตย์ตกมาให้บางคนโทรมาปลอบใจเขาและบางคนมีเงินไม่พอจ่ายค่าทนายฟ้องร้องแต่ก็ยังบริจาคเงินให้เขาหนึ่งในคนเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขามีความสุขมากเมื่อเทียบกับการแสวงหา“การถูกรักอย่างไม่มีเงื่อนไข” หรือ“การมอบความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข” สามารถเยียวยาชีวิตได้มากกว่า
“ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข” ไม่ใช่พรสวรรค์และสามารถเรียนรู้ได้ในภายหลังเช่นเดียวกับเอ็มซึ่งแต่เดิมเคยเป็น“คนนอก” เขาเอาแต่เรียกร้องขอสิ่งของจากคนรอบตัวแต่สุดท้ายเขาก็เรียนรู้ที่จะ“ให้ความสำคัญกับคนอื่น” โดยไม่มีเงื่อนไขเอ็มซื้อสุสานให้อาม่าด้วยเงินหนึ่งล้านบาทที่อาม่าเก็บไว้ให้เขาตอนเขาเคาะโลงศพของอาม่าและตะโกนว่า“ม่าเป็นที่หนึ่งในหัวใจของเอ็ม” สายลมได้พัดพาน้ำตาของเอ็มพวกเขาต่างมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันบนโลกใบนี้