ฤดูร้อนของเจิ้ง ชินเหวิน
ณวินาทีที่เจิ้งชินเหวินชนะการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีสผู้ชมหลายพันคนที่ศูนย์กีฬาโอลิมปิกในเมืองสือเยี่ยนมณฑลหูเป่ยซึ่งมีเขตเวลาห่างจากกรุงปารีส6 ชั่วโมงต่างพากันไชโยโห่ร้องดังลั่นสนามนี่เป็นเหรียญทองโอลิมปิกจากการแข่งขันเทนนิสประเภทหญิงเดี่ยวครั้งแรกของจีนชาวเมืองสือเยี่ยนต่างตื่นเต้นดีใจไปกับเจิ้งชินเหวินเพราะเธอเป็นคนที่นี่
มีรูปถ่ายเมื่อ10 ปีก่อนที่เจิ้งชินเหวินวัย11 ปียืนมองภาพของหลี่น่านักเทนนิสหญิงขณะคว้าแชมป์Australian Open ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์และรูปถ่ายใบนี้ก็มีแชมป์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนรูปถ่ายนั้นคล้ายจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่บางทีในช่วงเวลาที่เจิ้งชินเหวินคว้าเหรียญทองที่ปารีสนั้นในเมืองหนึ่งๆของจีนก็อาจมีใครบางคนกำลังดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อยู่ด้วยความหวังอันแรงกล้าเช่นกันจินตนาการว่าตัวเองยืนอยู่บนสนามแข่งและหวดแร็กเกตไปมา
ในวงการเทนนิสระหว่างประเทศเจิ้งชินเหวินได้รับการขนานนามว่า“ราชินีเหวิน” (“Queen” Wen)
หลังจากคว้าเหรียญทองมาครองได้นักข่าวคนหนึ่งได้ถามเจิ้งชินเหวินว่าคิดอย่างไรกับสมญานาม“ราชินีเหวิน” เจิ้งชินเหวินยืดอกตอบว่า“ฉันเห็นด้วยกับสมญานามนี้มากค่ะก่อนหน้านี้(ก่อนคว้าเหรียญทอง) ฉันก็คงจะถ่อมตัวนิดหน่อยแต่หลังจากคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้ก็ไม่แล้วค่ะเพราะฉันรู้ว่านี่เป็นภารกิจที่สำคัญมาก”
ชื่อนี้มีที่มาจากความเข้าใจผิดของแฟนๆนั่นคือหลังจากที่เจิ้งชินเหวินโด่งดังไปทั่วโลกบรรดาแฟนๆเทนนิสชาวต่างชาติจำนวนมากที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเสียงภาษาจีนมักจะออกเสียงตัวอักษร“钦(Qin) “ในชื่อของเธอเป็น“Queen (ราชินี)” ในภาษาอังกฤษแฟนๆหลายคนก็รู้สึกว่าคำว่า“ราชินี” เหมาะกับสไตล์การเล่นของเจิ้งชินเหวินเป็นอย่างดีด้วยเหตุนี้“ราชินีเหวิน” กลายเป็นชื่อเล่นที่แฟนๆตั้งให้เธอในวงการเทนนิสระดับนานาชาติการคว้าแชมป์“Golden Slam” ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของชีวิตที่นักเทนนิสชื่อดังหลายคนปรารถนาไขว่คว้านั่นหมายความว่าผู้เล่นจะต้องคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกและในการแข่งขันเทนนิสระดับนานาชาติได้แก่Australian Open ที่ออสเตรเลียFrench Open ที่ฝรั่งเศสWimbledon Tennis Championships ที่อังกฤษและUS Open ที่สหรัฐอเมริการวมทั้งสิ้น5 รายการด้วยกันขนาดนักเทนนิสชื่อดังระดับโลกการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกก็ยังคงเป็น“อุปสรรค” ที่ยากจะก้าวข้ามมาโดยตลอด
ในเดือนกันยายน2566 เจิ้งชินเหวินมือวางเทนนิสอันดับที่22 ของโลกในขณะนั้นกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า“(การคว้าแชมป์) ‘Golden Slam’ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ฉันได้คิดไว้แต่ฉันก็คิดว่ายังต้องเดินไปทีละก้าวๆในขณะที่ตาจับจ้องท้องฟ้าเท้าก็ต้องเดินบนเส้นทางของตัวเองให้ดี” ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเจิ้งชินเหวินซึ่ง“เดินบนเส้นทางอย่างดี” ก็คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองได้เป็นก้าวแรกสู่“Golden Slam”
ในปี2551 เจิ้งชินเหวินเดินทางมาปักกิ่งพร้อมกับพ่อเพื่อชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในปีนั้นหลี่น่านักเทนนิสชาวจีนเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของการแข่งขันโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรกเวลาเดียวกันนั้นหัวใจของเจิ้งชินเหวินซึ่งมีอายุเพียง6 ปีก็ได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งความรักในกีฬาเทนนิสไว้ในภายในหลังจากกลับถึงบ้านได้ไม่นานเจิ้งชินเหวินก็เริ่มเข้าฝึกเทนนิสนับเป็นก้าวแรกสู่การเป็น“ราชินีเทนนิส”
“เธอเรียนกับผมหนึ่งปีกว่าฝึกเทนนิสอย่างจริงจังและเข้มงวดกับตัวเองมากเธอมีศักยภาพในการเป็นแชมป์โลกมาตั้งแต่เด็กแล้ว” เฉินหงหมิงโค้ชคนแรกของเจิ้งชินเหวินกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อเจิ้งชินเหวินมีพลังที่ดุดันอยู่ในตัวถึงแม้ว่าเธอจะเพลี่ยงพล้ำขณะแข่งขันแต่ก็จะนิ่งและค่อยๆไล่ทำคะแนน“เธอพูดไม่เยอะแต่จิตใจมั่นคงแน่วแน่”
ต่อมาเจิ้งชินเหวินยังได้เป็นศิษย์ของอวี่ลี่เฉียวผู้ซึ่งเป็นโค้ชของแชมป์เทนนิสหลายรายอวี่ลี่เฉียวกล่าวว่าเวลาที่ตนเองเลือกนักกีฬานอกจากการพิจารณาสมรรถภาพทางกายแล้ว“สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูว่าเด็กคนนี้‘ต้องการลูกบอลหรือไม่’” “ต้องการลูกบอล” หมายความว่าเมื่อคู่ต่อสู้ตีลูกแข็งมาแม้จะเห็นว่ารับลูกไม่ได้แต่ผู้แข่งขันจะพยายามหาทางแก้เกมเอาคืน
เจิ้งชินเหวินเป็นนักกีฬาที่“ต้องการลูกบอล” “จำได้ว่าช่วงที่เธออยู่ที่นี่กับฉันตอนที่ฝึกซ้อมประจำวันกับอดีตเพื่อนร่วมทีมนั้นเธอสู้เพื่อทุกลูกแม้ว่าจะมีข้อถกเถียงว่าลูกอาจออกนอกเขตแดนหรือทับเส้นแต่เจิ้งชินเหวินก็ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อยกระทั่งคำพูดก็ยังไม่ยอมคนถ้าเธอแพ้ในการแข่งขันเล็กๆขึ้นมาหลังฝึกซ้อมเธอก็จะยังพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้กับคู่ต่อสู้ของเธออย่างไม่ลดละ” อวี่ลี่เฉียวเล่า
ในปี2563 เจิ้งชินเหวินวัย17 ปีได้เข้าสู่การเป็นนักเทนนิสมืออาชีพเวลานั้นเธอเป็นมือวางอันดับที่630 ของโลกเท่านั้น4 ปีต่อมาในวันนี้เจิ้งชินเหวินพุ่งทะยานขึ้นสู่มือวางอันดับที่7 ของโลกปัจจุบันเจิ้งชินเหวินก็กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสนามแข่งอย่างต่อเนื่อง“ฉันพบว่ามีแต่การที่ตัวเองสงบนิ่งเท่านั้นจึงจะเล่นได้ดียิ่งๆขึ้น”