ฉันมีบ้านอยู่ในเมืองแล้ว

2025-02-05 11:06:03

เจ้าของเรื่อง:  สวี ไห่ลี่  (ผู้ประกอบการแผงขายอาหารเช้าปลอดภัยในนครซีอานมณฑลส่านซี)

บ้านเกิดของฉันอยู่ในหมู่บ้านชนบทของอำเภอสื่อหง มณฑลเจียงซู ฉันมาที่นครซีอาน มณฑลส่านซีเมื่อปี 2537 เคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก พนักงานเสิร์ฟ และแม่ครัว เงินเดือนไม่สูงและไม่มั่นคงนัก  ต่อมานครซีอานได้เริ่มโครงการอาหารเช้าปลอดภัยและฉันได้เซ็นสัญญากับบริษัทเพื่อดำเนินกิจการแผงขายอาหารเช้าและฉันทำติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว

การขายอาหารเช้าเหนื่อยมากเพราะไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไรก็ต้องตื่นตีสองตีสามเพื่อเตรียมแผงขายของ ฉันมาทำงานที่ซีอานตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ฉันไม่กลัวความยากลำบาก แต่ฉันกลัวว่าจะลงหลักปักฐานไม่ได้และกลัวว่าลูกของฉันจะเข้าโรงเรียนที่นี่ไม่ได้

หลายปีที่ผ่านมา ถ้าลูก ๆ ของแรงงานต่างถิ่นต้องการเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลในเมือง พวกเขาจะต้องยื่นขอเอกสารหลักฐานจำนวนมากและมีโควตาจำกัด หากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องกลับไปยังภูมิลำเนาตามทะเบียนสำมะโนครัว โดยทั่วไปจะเรียนได้เฉพาะโรงเรียนเอกชนหรือกลับไปเรียนที่บ้านเกิดเท่านั้น หลังจากคำนวณค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเอกชนบวกกับค่าที่พักแล้วถือเป็นภาระไม่น้อยสำหรับแรงงานต่างถิ่น  ฉันไม่ใช่คนชอบร้องไห้แต่ฉันต้องเสียน้ำตาไปไม่น้อยกับเรื่องการเข้าเรียนของลูก ๆ

เมื่อปี 2558 นครซีอานได้เริ่มดำเนินการปฏิรูประบบทะเบียนสำมะโนครัว เพียงได้รับใบอนุญาตพำนักอาศัย ลูก ๆ ของฉันก็สามารถเข้าโรงเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ หลังจากได้รับใบอนุญาตพำนักอาศัยครบ 3 ปีและได้จ่ายเงินประกันสังคมที่นครซีอานเป็นเวลา 3 ปี ลูก ๆ ก็จะเข้าร่วมการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในพื้นที่ได้

จนถึงตอนนี้ ฉันยังจำความรู้สึกตอนที่ยื่นขอใบอนุญาตพำนักอาศัยครั้งแรกได้ ในวันที่ฉันได้รับใบอนุญาต ท้องฟ้าดูสดใสเป็นพิเศษและฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นคนซีอานจริง ๆ ปัจจุบัน ลูกสาวคนโตได้สอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในนครซีอานและสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เมืองเซียนหยาง ลูกชายคนเล็กกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาที่อยู่ใกล้ ๆ และมีผลการเรียนที่ดี

ในช่วงวันหยุด บางครั้งลูก ๆ ของฉันจะมาที่แผงขายของกับฉันเพื่อช่วยเตรียมสินค้า บรรจุอาหาร และเก็บเงิน และด้วยการทำงานหนักครอบครัวของเราจึงลงหลักปักฐานในเมืองนี้ได้ ตอนนี้ เมื่อมีคนถามฉันว่าเป็นคนที่ไหน ฉันก็จะตอบอย่างมั่นใจว่าฉันเป็นชาวซีอาน

ภาพรวมการปฏิรูป

นับตั้งแต่การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18  หน่วยงานในท้องที่ต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญกับการเร่งเปลี่ยนแปลงแรงงานเกษตรให้กลายเป็นชาวเมือง โดยเปิดโอกาสให้แรงงานเกษตรที่ต้องการเข้ามาในเมืองได้มีทะเบียนสำมะโนครัวในเมืองและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานในเมืองอย่างเท่าเทียมกัน สำหรับผู้อยู่อาศัยระยะยาวแต่ยังไม่มีทะเบียนสำมะโนครัว ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา มีแรงงานเกษตรมากกว่า 50 ล้านคนได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองต่าง ๆ เมื่อถึงสิ้นปี 2566 การเปลี่ยนแปลงประชากรชาวจีนที่อาศัยอยู่ถาวรให้กลายเป็นชาวเมืองมีอัตราสูงถึง 66.2% การเปลี่ยนแปลงแรงงานเกษตรให้กลายเป็นชาวเมืองมีประสิทธิผลที่ชัดเจน

การปฏิรูประบบทะเบียนสำมะโนครัวในเชิงลึกการปรับปรุงการบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและการรักษาพยาบาล  เร่งส่งเสริมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำ  ยกระดับคุณภาพแรงงานและทักษะการประกอบอาชีพ... มาตรการหลายอย่างที่เอาใจใส่และปฏิบัติได้จริงช่วยให้แรงงานเกษตรที่โยกย้ายภาคการผลิต“ย้ายเข้ามาได้” “อยู่อาศัยได้” และ“มีการพัฒนา” เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง

ฉันมีบ้านอยู่ในเมืองแล้ว