ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าไทย-ยูนนานกำลังก้าวสู่ยุคทอง : คุณณัฐ วิมลจันทร์ กงสุลฝ่ายพาณิชย์ไทยประจำนครคุนหมิง

เดือนพฤศจิกายน ปลายฤดูใบไม้ร่วง ฤดูกาลแห่งผลไม้หอมหวานชวนลิ้มลองกลับมาอีกครั้ง
“ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนปีนี้ มูลค่าการส่งออกผลไม้ไทยไปยังยูนนานเพิ่มขึ้น 44.57% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยช่องทางการขนส่งแบบระบบห่วงโซ่เย็น เช่น รถไฟด่วนล้านช้าง-แม่โขง บนเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ทำให้ทุเรียนไทยสามารถถึงคุนหมิงได้ภายใน 3 วัน” คุณณัฐ วิมลจันทร์ กงสุลฝ่ายพาณิชย์ประจำสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครคุนหมิง ซึ่งติดตามงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 8 และตลาดนำเข้าอย่างใกล้ชิด ให้สัมภาษณ์พิเศษว่าทุเรียน หรือที่รู้จักกันในนาม “ราชาแห่งผลไม้” และมังคุด หรือ “ราชินีแห่งผลไม้” เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดผลไม้นำเข้าของจีน การพัฒนาประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ทำให้ราคาผลไม้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ยังช่วยให้ราคาจับต้องได้มากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคชาวจีนได้ลิ้มรสความสดอร่อยได้สะดวกกว่าเดิม
ในมุมมองของคุณณัฐ การค้า สายใยสีทองที่เชื่อมโยงทั้งสองประเทศอย่างแน่นแฟ้น จากเดิมที่การค้าระหว่างสองประเทศเน้นสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา และผลไม้ ขยายสู่ระบบสินค้าที่หลากหลาย ตลอด 50 ปีนับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ทั้งสองฝ่ายได้ปรับปรุงนโยบายการค้า ส่งเสริมความสะดวกด้านการขนส่ง และลดอุปสรรคทางการค้า และเปิดช่องทางให้สินค้าไทยเข้าสู่จีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ได้นำโอกาสใหม่ๆ มาสู่การค้าระหว่างยูนนาน-ไทย ซึ่งส่งผลดีอย่างมากต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดจีนและตลาดโลกได้ผ่านช่องทางการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลง
“ยูนนานมีบทบาทสำคัญในการค้าไทย-จีน” คุณณัฐกล่าวกล่าวถึงงานมหกรรมสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นที่ยูนนานในเดือนมิถุนายน โดยปีนี้ไทยเข้าร่วมในฐานะ “ประเทศคู่ค้าพิเศษ” ด้วยการปรับปรุงและขยายใหญ่ขึ้น รวม 73 บริษัท นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องประดับ การเจรจาธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและการแสดงทางวัฒนธรรมที่คึกคัก ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของสินค้าไทย และเป็นเวทีสำหรับการจับคู่ทางการค้าที่มีประสิทธิภาพ
ปีนี้ถือเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. 2558-2560) ฉบับที่ 14 ของจีน ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา คุณณัฐเห็นว่าจีนได้สร้างความสำเร็จอย่างชัดเจนและมีส่วนร่วมอย่างโดดเด่นในการเปิดประเทศสู่โลกภายนอกและส่งเสริมการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระดับโลก “จีนได้ส่งเสริมการเปิดประเทศ อำนวยความสะดวกในการเปิดเสรีทางการค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ภาคการผลิต การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวเข้มแข็ง” เขากล่าว เขายังกล่าวถึงนโยบายยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนและไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเดินทางธุรกิจ การเจรจาธุรกิจ และความร่วมมือด้านการลงทุน ส่งเสริมการเติบโตของการค้าชายแดนจีน-ไทย และการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ และเสริมพลังใหม่ให้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-จีน
“ผมตั้งตารอการเปิดประเทศและการพัฒนาของจีนในอีกห้าปีข้างหน้า” คุณณัฐกล่าว เขาหวังว่าไทยและจีน รวมถึงมณฑลยูนนาน จะสามารถบรรลุความร่วมมือครั้งใหม่ในด้าน การค้าและการลงทุน เทคโนโลยีใหม่และอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมเทคโนโลยี และการสนับสนุนสตาร์ทอัพ และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะนำพาโอกาสความร่วมมือที่สดใสและกว้างขวางยิ่งขึ้น
ช่าย เมิ่ง/แปล
จารุวรรณ อุดมทรัพย์/พิสูจน์อักษร