ต้าเหมิงและ “โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก” ของเขา
สามปีเป็นเวลาที่ต้นอะโวคาโดต้นหนึ่งจะเก็บเกี่ยวผลรอบแรกได้และสามปีก็เป็นเวลาที่ต้าเหมิงและ“โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก” ของเขาได้ก้าวออกจากอำเภอเมืองแลมและเป็นที่รู้จักทั่วโลก
ชื่อจริงของต้าเหมิงคือหลี่เหว่ยเขาเคยทำงานเป็นนักสัมผัสประสบการณ์การเดินทางและช่างภาพเคยเดินทางไปเยือนมากกว่า30 ประเทศเมื่อปี2563 เขาได้มาที่อำเภอปกครองตนเองชนชาติไตชนชาติลาหู่และชนชาติว้าเมืองแลมเมืองผูเอ่อร์มณฑลยูนนานและได้เห็นผลอะโวคาโดซึ่งนิยมปลูกในอเมริกาใต้ได้นำมาปลูกและออกผลที่นี่ในขณะนั้นก็รู้สึกว่าตนเองได้พบกับทิศทางใหม่ในชีวิต
คนหนึ่งคนกับผลไม้หนึ่งต้น
ที่แหล่งปลูกอะโวคาโดของกลุ่มชาวบ้านเหลาเหมี่ยนในหมู่บ้านหนานหย่าอำเภอเมืองแลมต้าเหมิงกำลังเก็บอะโวคาโดอยู่กับพวกชาวบ้าน
เมื่อเราพบต้าเหมิงครั้งแรกเขาสะพายกระเป๋าสะพายข้างที่ทำจากถุงปุ๋ยที่คนในท้องถิ่นใช้กันทั่วไปเขาผิวดำคล้ำและรูปร่างสูงกำลังเก็บผลไม้จากต้นและพูดติดตลกว่าตนเองก็เป็น“สุดยอดนักปีนต้นไม้” คนหนึ่งและจะแข่งเก็บผลอะโวคาโดกับชาวบ้านนอกจากสำเนียงภาษาจีนกลางที่ทำให้เขาแตกต่างจากชาวบ้านในท้องถิ่นถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเพียงอย่างเดียวก็ดูแทบไม่ออกว่าเขาเป็น“คนต่างถิ่น”
ในฐานะช่างภาพหากความหลงใหลที่เขามีต่อ“สีเขียวของผลอะโวคาโด” ทำให้เขาตกหลุมรักอะโวคาโดถ้าอย่างนั้นแล้วผืนดินที่เมืองแลมก็ทำให้เขากับผลไม้ชนิดนี้เชื่อมโยงอย่างแยกกันไม่ออกโดยแท้จริงเมื่อแรกเริ่มที่เขามาถึงเมืองแลมเขาใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวในการกำหนดแหล่งพื้นที่ผืนแรกและเริ่มขุดดินเพื่อปลูก ในฐานะมือใหม่ด้านการเกษตรต้าเหมิงทำงานกับคนงานในสวนทุกวันทั้งถอนวัชพืชใส่ปุ๋ยตัดแต่งกิ่งและรับประทานอาหารกลางวันบนพื้นดินผ่านไป3 ปีในที่สุดต้นกล้าที่ปลูกก็เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวครั้งแรก
เมื่อมองดูผลไม้ที่ตนเองปลูกด้วยดินหนึ่งกอบและเฝ้ารดน้ำแต่ละถังต้าเหมิงก็เก็บผลอะโวคาโดผลแรกมาผ่าครึ่งและทำเป็นตัวอย่างเขาพูดว่า“อะโวคาโดต้นนี้เป็นตัวแทนแห่งการก้าวสู่ช่วงชีวิตใหม่ของผมซึ่งผมมั่นใจแน่วแน่มากขึ้นว่าทิศทางนี้ถูกต้องผมจะพาผู้คนที่นี่ไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตามให้ก้าวไปสู่โลกที่กว้างขึ้นนี่คือความตั้งใจดั้งเดิมของผม”
ของขวัญจาก“โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก”
นอกจากอะโวคาโดแล้วต้าเหมิงยังปลูกพืชเหลื่อมฤดูอื่นๆเช่นถั่วลิสงมะนาวถั่วและเมล็ดแห้งฯลฯในที่ดินอีกด้วยต้าเหมิงตั้งชื่อฟาร์มของเขาว่า“โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก” ในความคิดของเขาพืชผลทุกชนิดเป็นเพื่อนของอะโวคาโดและทุกคนในอำเภอเมืองแลมก็ล้วนเป็นเพื่อนของพวกเขาเช่นกันสิ่งที่ฟาร์ม“โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก” นำมาสู่ผืนดินแห่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนพัฒนาอุตสาหกรรมและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีด้วยการปลูกอะโวคาโดเท่านั้นแต่ยังบอกกับผู้คนด้วยว่าอย่าใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมากเกินไปอย่าทิ้งขยะบนภูเขาและสอนให้ผู้คนเก็บผลไม้มาทำเอนไซม์ใช้รดไม้ผลรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศที่ดินอย่างยั่งยืน
ต้าเหมิงกล่าวว่า“เพื่อน” ในชื่อ“โลกแห่งอะโวคาโดเพื่อนรัก” ก็คือ“ความเป็นมิตร” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นมิตรกับธรรมชาติเป็นการพัฒนาไปในทิศทางของเกษตรกรรมที่ยั่งยืนสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพความเป็นมิตรเปิดกว้างและการยอมรับสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นทัศนคติในการทำงานนี้
ปัจจุบันแหล่งปลูกอะโวคาโดของต้าเหมิงได้ขยายจากพื้นที่เดิมไม่ถึง10 ไร่เป็น108 ไร่ผลิตภัณฑ์อะโวคาโดจำหน่ายผ่านหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในช่วงฤดูการผลิตนี้มีรายได้จากการขาย1 ล้านหยวนนอกจากนี้ต้าเหมิงยังได้ร่วมมือกับเกษตรกร96 ครัวเรือนในการปลูกต้นอะโวคาโด5,000 ต้นโดยสนับสนุนให้พวกเขาปลูกอะโวคาโดในพื้นที่ว่างหน้าบ้านและหลังบ้านหรือหมุนเวียนปลูกในไร่กาแฟซึ่งไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินเท่านั้นแต่ยังเพิ่มรายได้อีกด้วย
เหยียนถานชาวบ้านในหมู่บ้านหมังเม่าตำบลฟู่เหยียนอำเภอเมืองแลมได้ปลูกต้นอะโวคาโด200 ต้นในพื้นที่ปลูกกาแฟขนาด3 ไร่ของเขาในปีนี้ครอบครัวของเขาประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวทั้งกาแฟและอะโวคาโด“ปีนี้ผมมีรายได้10,000 หยวนจากอะโวคาโดและ10,000 กว่าหยวนจากกาแฟการปลูกพืช2 ชนิดบนที่ดินผืนเดียวเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก2 ตัว”
ต้าเหมิง“เกษตรกรสายเลือดใหม่” ข้ามวงการ
ในเวลาว่างต้าเหมิงชอบไปเยี่ยมบ้านต่างๆในหมู่บ้านเขาพูดคุยกับชาวบ้านถ่ายรูปพวกเขาและบันทึกใบหน้ายิ้มแย้มที่เรียบง่ายแต่สดใสของพวกเขา
“คุณยายรูปนี้เป็นของขวัญปีใหม่ที่ผมมอบให้นะครับขอให้มีแต่สิ่งดีๆและขอให้คุณยายมีสุขภาพแข็งแรงครับ” ภายใต้เลนส์กล้องของต้าเหมิงทุกคนมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ต้าเหมิงเชื่อว่าภาพถ่ายช่วยฟื้นฟูชนบทได้ยกตัวอย่างภาพถ่าย“หญิงสาวชาวว้ากับอะโวคาโดของเธอ” เด็กสาวในภาพชื่อหรงหรงมีความมั่นใจและร่าเริงมากขึ้นและรักวัฒนธรรมชนชาติว้ามากขึ้นป้าและยายชนกลุ่มน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยปฏิเสธที่จะอยู่หน้ากล้องของคนแปลกหน้าปัจจุบันนี้กลับอวดรอยยิ้มที่สดใสของตนอย่างเปิดเผย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้าเหมิงหวังอยากจะนำมาสู่หมู่บ้านและคนในชนบทเป็น“แรงสนับสนุน” ส่วนหนึ่งจากเขา
“ผมรู้สึกมาเสมอว่าสำหรับอะโวคาโดและผู้คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินผืนนี้มาตลอดดูเหมือนว่าผมกำลังช่วยพวกเขาช่วยเผยแพร่ให้พวกเขาแต่ในทางกลับกันอะโวคาโดแผ่นดินผืนนี้และทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหลังผืนดินต่างหากที่กำลังหล่อเลี้ยงผมอยู่ผมรู้สึกว่าเราช่วยเติมเต็มและดึงดูดกันและกัน”