อู่ฮั่น... นครแห่งความอ่อนเยาว์

2024-11-28 17:10:19

“กระโดดเร็ววิ่งมา!”

ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องวัยรุ่นเล่นสเก็ตบอร์ดคนหนุ่มในชุดสูทหรือแม้แต่หญิงสาวในชุดแต่งงานและชุดครุยบัณฑิตวิ่งตื๋อเข้ามาลัดเลาะสะพานข้ามทะเลสาบแล้วกระโดดตูมลงไปในน้ำจนได้ขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง

กรุณาอย่าแปลกใจกับภาพที่เห็นเพราะนี่คือเทศกาลประจำปีในช่วงฤดูร้อนสำหรับคนหนุ่มสาวในเมืองอู่ฮั่นมณฑลหูเป่ยเทศกาลที่ว่านี้มีชื่อว่า“กระโดดทะเลสาบตงหู” ชาวอู่ฮั่นบางคนจะใช้โอกาสนี้เพื่อบอกลาวัยเรียนบางคนก็ใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยใต้แสงตะวันและละอองน้ำที่สาดกระจายคือคนหนุ่มสาวที่คึกคักและอิสระสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งเยาว์วัยของนครแห่งนี้

สิบแปดปี... สานฝันที่อู่ฮั่น

นักศึกษามหาวิทยาลัยในอู่ฮั่นดูเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับพลังในการท้าทายขีดจำกัด

เมื่อเดือนพฤศจิกายน2566 เกิ่งทงนักศึกษาปริญญาเอกจากสถาบันวิจัยสำรวจและทำแผนที่แอนตาร์กติกแห่งประเทศจีนประจำมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นในฐานะสมาชิกหน้าใหม่ประจำทีมได้นั่งเรือสำรวจ“มังกรหิมะ” มุ่งหน้าลงใต้ไปทำการสำรวจขั้วโลก

เมื่อเดินทางถึงทวีปแอนตาร์กติกาแล้วเกิ่งทงและสมาชิกในทีมอื่นๆก็ได้เปลี่ยนไปนั่งสกู๊ตเตอร์หิมะเพื่อเดินทางไปยังสถานีคุนหลุนซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงสุดบนพืดน้ำแข็งแอนตาร์กติกโดยสถานีคุนหลุนนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเล4,087 เมตรเป็นสถานีวิจัยแอนตาร์กติกาที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลกเขาจะต้องเผชิญกับการทดสอบสองประการทั้งจากความหนาวเหน็บและภาวะขาดออกซิเจนเมื่อหวนระลึกถึงช่วงเวลาที่ต้องแบกอุปกรณ์สำรวจและทำแผนที่เดินลัดเลาะไปมาเกิ่งทงจำได้ว่าเขาเดินไปหยุดหอบไปทุกๆหนึ่งร้อยเมตรเลยทีเดียว

เมื่อการวิจัยสิ้นสุดลงเกิ่งทงกลับมาที่มหาวิทยาลัยและมักจะคิดถึงช่วงเวลาแห่งความยากลำบากแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความหมายในครั้งนั้นอยู่บ่อยๆเขาบอกว่าอยากจะกลับไปที่ขั้วโลกใต้อีกครั้งเพราะอยากจะไปลองใช้ชีวิตในฤดูหนาวที่นั่นอยากอยู่ที่นั่นให้นานอีกหน่อย

เมื่อเทียบกับเกิ่งทงที่ต้องทดสอบตัวเองกับขีดจำกัดด้านระยะทางแล้วโจวเชียนหลงซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรณีศาสตร์แห่งประเทศจีน(China University of Geosciences) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอู่ฮั่นก็ได้ทดสอบกับขีดจำกัดในด้านความสูงโดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาและเพื่อนๆได้ออกเดินทางจากเนินเขาด้านเหนือบนยอดเขาเอเวอเรสต์เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากๆ

ภารกิจของโจวเชียนหลงมีความพิเศษเมื่อเทียบกับการปีนเขาหรือการวิจัยตามปกตินั่นคือเขามีหน้าที่ถ่ายภาพดังนั้นเขาจึงต้องแบกกล้องถ่ายรูปโดรนและอุปกรณ์ถ่ายทำอื่นๆไปไหนมาไหนน้ำหนักที่เขาต้องแบกรับนั้นมากกว่านักปีนเขาทั่วไปถึงสิบกิโลกรัมในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากๆการเพิ่มน้ำหนักแม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้การก้าวเดินไปข้างหน้ายากลำบากขึ้นได้

ภาพถ่ายสามพันกว่าใบของโจวเชียนหลงนั้นได้บันทึกกระบวนการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์เอาไว้ทั้งหมดเมื่อถึงภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเอเวอเรสต์เขาก็นำโดรนขึ้นบินเพื่อเก็บภาพความอลังการแห่งอาทิตย์อัสดงบนหลังคาโลกเยาว์วัยหลายรูปแบบ

เมืองอู่ฮั่นนั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายความเยาว์วัยในอู่ฮั่นก็เช่นกัน

 “หวังว่าวันหนึ่งฉันจะได้บรรเลงเพลง‘ภูผาสูงชั้นนทีไหลริน’ ที่ประเทศเวียดนามได้ใช้กู่ฉินซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีประวัติความเป็นมากว่าพันปีมาบรรเลงเพลงสื่อความหมายถึงสันติภาพร่วมกันของโลก” นี่คือคำพูดของเหงียนธิ  ฟุกหญิงสาวชาวเวียดนามผู้หลงใหลในการบรรเลงกู่ฉินเครื่องดนตรีโบราณของจีนในสายตาของเธอกู่ฉินอันสง่างามเรียบง่ายและภาษาจีนอันยิ่งใหญ่ลึกซึ้งล้วนแต่เป็นเพื่อนแท้ของเธอ

เมื่อเก้าปีก่อนหลังจากที่เหงียนธิฟุกจบการศึกษาจากสาขาวิชาภาษาจีนจากHanoi Open University แล้วเธอก็ได้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างที่ริเริ่มโดยประเทศจีนและเกิดความคิดที่จะไปศึกษาต่อยังประเทศจีนหลังจากนั้นเธอก็เลือกมาพำนักณเมืองอู่ฮั่นโดยเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และกฎหมายจงหนาน

เช่นเดียวกับเพื่อนนักศึกษาอื่นๆเมื่อแรกมาถึงเมืองอู่ฮั่นเหงียนธิฟุกยังปรับตัวได้ไม่ดีนัก“ตอนแรกฉันไม่ค่อยชอบรสชาติของ‘เร่อกันเมี่ยน’ (ก๋วยเตี๋ยวแห้งแบบร้อนสไตล์อู่ฮั่น) เท่าไหร่แถมป้าๆในโรงอาหารก็พูดสำเนียงอู่ฮั่นเร็วมากจนเหมือนกำลังทะเลาะกัน” อย่างไรก็ดีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวบางอย่างของอู่ฮั่นเธอกลับสัมผัสได้ในทันทีส่วนเรื่องอื่นๆบางเรื่องก็ค่อยๆรับรู้ทีละเล็กทีละน้อยบางทีสิ่งที่เธอค้นพบอาจจะเป็นว่าคุณป้าโรงอาหารที่พูดภาษาถิ่นรัวเร็วใส่เธอหรือแม้แต่คนขับแท็กซี่พวกเขาก็แค่กำลังทำงานที่รักอย่างมีความสุขเท่านั้นโดยเบื้องหลังความอารีอารอบนั้นคือความชิลล์และความรักในการใช้ชีวิต

หลายปีต่อจากนั้นเหงียนธิฟุกก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่เธอเรียนไปด้วยอุทิศตนให้งานใหญ่ของเธอไปด้วย“งานใหญ่” ที่ว่านั้นก็คือการตั้งกลุ่มการกุศลออนไลน์ขึ้นโดยได้ทำการสอนระบบสัทอักษรพินอินให้แก่ผู้ปกครองชาวเวียดนามกว่า1,500 คนเพื่อที่พวกเขาจะได้นำไปสอนลูกหลานตนเองต่อนั่นคือการถ่ายทอดความซาบซึ้งในวัฒนธรรมจีนของตัวเธอออกสู่เพื่อนร่วมชาติอื่นๆ

เมื่อกระโดดลงทะเลสาบตงหูคนรุ่นใหม่บางคนก็ไม่คิดจะย้ายไปไหนแล้ว

เวลานี้คนหนุ่มสาวชาวอู่ฮั่นที่ไปกระโดดทะเลสาบตงหูบางส่วนเริ่มเปลี่ยนใจไม่ออกจากบ้านเกิดไปใช้ชีวิตที่อื่น

ในช่วง7 ปีระหว่างปี2560 ถึง2567 บัณฑิตปริญญาตรีที่ตัดสินใจอยู่หางานทำหรือสร้างธุรกิจของตนเองในเมืองอู่ฮั่นมีจำนวนมากถึงกว่า2 ล้านคนซึ่งเมื่อนับจนถึงสิ้นปี2566 นั้นวิสาหกิจด้านเทคโนโลยีระดับสูงทั่วทั้งเมืองอู่ฮั่นได้เพิ่มจำนวนแตะระดับ1.45 หมื่นรายแล้วบัณฑิตปริญญาตรีที่ตัดสินใจเดินทางมาตั้งกิจการหรือหางานทำในเมืองอู่ฮั่นจะได้รับสิทธิ์ที่พักฟรี7 วันจัดสรรห้องพักสวัสดิการจำนวน2.5 แสนห้องภายในระยะเวลา5 ปีเรียกได้ว่าการผลิตทรัพยากรมนุษย์และการขยายตัวของวิสาหกิจนั้นส่งเสริมซึ่งกันและกัน

เมื่อสิบสองปีที่แล้วฉีเซี่ยเจาและบัณฑิตปริญญาตรีอีกกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่ทำงานต่อในเมืองอู่ฮั่นหลังจากเรียนจบพวกเขาเริ่มต้นชีวิตทำงานไปพร้อมๆกันโดยรวมตัวกันเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาดสองห้องนอนวางคอมพิวเตอร์ไม่กี่ตัวลงในนั้นแล้วเริ่มต้นกิจการสตาร์ทอัปของตนสิบสองปีให้หลังบริษัทสตาร์ทอัปภายใต้การนำของคนหนุ่มสาวกลุ่มนั้นได้เติบโตขึ้นพวกเขาร่วมกันสร้างศูนย์พลังงานซีโร่คาร์บอนอัจฉริยะแห่งแรกของโลกทั้งยังเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์โปรเจกต์แพลตฟอร์มDigital Twin สำหรับบริหารจัดการเมืองแบบอัจฉริยะ5G แห่งแรกของมณฑลหูเป่ยเพื่อร่วมกันเติบโตไปพร้อมๆกับเมือง

ในอีกแง่มุมหนึ่งเมื่อปี2546 กีฬาอีสปอร์ตได้ถูกบรรจุให้เป็นชนิดกีฬาสำหรับแข่งขันอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นยี่สิบปีเขตบุกเบิกวิสาหกิจเทคโนโลยีใหม่ตงหูเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์รวมกิจการด้านกีฬาอีสปอร์ตก็ได้รองรับวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกว่าหนึ่งพันแห่งเมื่อการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตรายการดังๆเช่นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศจีนของรายการWSVG (World Series of Video Games) และCYEC (China Youth E-sports Competition) ถูกจัดขึ้นผู้ชมหนุ่มสาวที่รับชมการแข่งขันอยู่ทางหน้าจอก็พากันจดจำสถานะใหม่ของเมืองอู่ฮั่นในฐานะ“เมืองแห่งอีสปอร์ต”

ในเวลานี้คงไม่มีคำพูดใดเหมาะจะบรรยายถึงเมืองอู่ฮั่นมากไปกว่าคำพูดของคนหนุ่มสาวที่เลือกใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปที่ว่า“อู่ฮั่นคือพื้นที่ซึ่งรองรับจินตนาการร้อยแปดพันอย่างของคนหนุ่มสาวได้ทั้งหมด”

อู่ฮั่น... นครแห่งความอ่อนเยาว์