เมนูอาหารของจีจี้

2024-11-28 17:09:18

ลุยจิเดลล์อารีน่า(Luigi Dell’Arena) เชฟใหญ่ของร้านอาหารเฉียวเย่ลีหมายมั่นที่จะนำเสนอเมนูอาหารอิตาลีแบบครบวงจรให้บริการกับลูกค้าในอำเภอชิงเถียนมณฑลเจ้อเจียง

ชาวอิตาลีจะดื่มเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารหลักแกล้มด้วยไส้กรอกและถั่วต่างๆลุยจิทำบิสกิตโดยเพิ่มอัลมอนด์และเปลือกส้มเพื่อให้มีรสชาติเข้ากันกับเหล้าอะเปโรล(Aperol) เมื่อไม่นานนี้เขาค้นพบว่าบิสกิตเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับเหล้าเหลืองของจีนเช่นกัน

ในมื้ออาหารปกติอาหารเรียกน้ำย่อยคือเมนูหลักของอิตาลีซึ่งเป็นกลเม็ดที่พวกเขาถือเป็นความภาคภูมิใจที่สุดความหลากหลายรูปลักษณ์ของเส้นพาสต้ายังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนจีนเช่นกันลุยจิชอบใช้เส้นพาสต้าในการปรุงอาหารหลักของอิตาลีเขาจะนำพาสต้าชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็นเส้นใหญ่เส้นเล็กสี่เหลี่ยมหรือกลมที่ย้อมสีเขียวสีม่วงและสีส้มใส่ลงในตะกร้าแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นเวลาจะปรุงพาสต้าเส้นใหญ่กับเห็ดพอร์ชินีอันเป็นเมนูเด็ดของร้านเขาจะเลือกใช้วิปปิ้งเนยเพื่อทำซอส“เนยมีความสามารถในการดูดซับกลิ่นหอมฉุน” เขาจะใส่เห็ดพอร์ชินีลงในเนยแล้วคลุกให้เข้ากันจนกระทั่งมีกลิ่นหอมที่กลมกลืนจากนั้นจึงใส่พาสตาเส้นใหญ่ลงไป

หลังจากอาหารเรียกน้ำย่อยแล้วจึงจะต่อด้วยอาหารจานหลักโดยจะประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลและผักสดสำหรับตัวเลือกประเภทเนื้อสัตว์ลุยจิโปรดปรานที่สุดคือแอนติก้าสเต็ก(Antica Steak) ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมในพื้นที่แถบมิลานเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนทำงาน“ในมื้ออาหารคนทำงานจะรับประทานพานินี่(Panini) มากกว่าถ้าต้องการทานอะไรที่หรูหราสักหน่อยก็อาจจะเลือกแอนติก้าสเต็ก” ชาวอิตาเลียนชอบรับประทานเนื้อวัวจากแคว้นพีดมอนต์(Piedmont) และทัสคานี(Tuscany) ในท้องถิ่นอิตาลีเมื่อมาประเทศจีนลุยจิจึงปรับเปลี่ยนมาใช้เนื้อวัวแองกัส(Angus) ออสเตรเลียและด้วยนิสัยที่ค่อนข้างประนีประนอมดังนั้นเขาจึงไม่ดื้อดึงหรือยืนกรานที่จะให้แขกลิ้มรสสเต็กเนื้อวัวแบบต้นตำรับ

เมนูสุดท้ายคือของหวานเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารจานก่อนๆแล้วการถกเถียงระหว่างเจี๋ยเสี่ยวเยว่เจ้าของร้านอาหารเฉียวเย่ลีกับเชฟลุยจิกับเรื่องของหวานนั้นน้อยที่สุดในเดือนมิถุนายนเป็นฤดูกาลเรดเบย์เบอร์รี่(Red Bayberry) ของอำเภอชิงเถียนลุยจิทำพุดดิ้งและเค้กเบย์เบอร์รี่และยังทำแยมเบย์เบอร์รี่เมื่อมาจีนเขาได้ลดปริมาณน้ำตาลในของหวานลงบ้างแต่ว่ารสชาติของเบย์เบอร์รี่ทำให้เขาชื่นชอบมาก“มันออกรสหวานแต่อมเปรี้ยวเล็กน้อยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เหมาะสำหรับทำของหวานมาก”

 “พูดถึงการเปิดร้านอาหารฉันคิดว่าเราสองคนเหมือนคนปัญญาอ่อน” ในปี2562 เจี๋ยเสี่ยวเยว่กลับไปที่บ้านเกิดของเธอที่อำเภอชิงเถียนและเปิดร้านอาหารเฉียวเย่ลีลุยจิซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ“จีจี้” ได้รับเชิญจากอิตาลีให้มาเป็นเชฟมือหนึ่งในร้านของเธอตอนเปิดร้านอาหารใหม่ๆเพราะขาดความยั้งคิดเจี๋ยเสี่ยวเยว่จึงถูกฉ้อโกงเงินส่วนจีจี้ในวัยเกือบ60 ปีต้องปิดตัวร้านอาหารที่เปิดในมิลานเนื่องจากกิจการไม่ดีคนสองคนที่ตกอยู่ในภาวะหดหู่ใจจึงหวังว่าจะปรับกระบวนท่าลุกขึ้นสู้ในชิงเถียน

ตามที่เจี๋ยเสี่ยวเยว่บอกเล่าว่าครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลแบบฉบับในชิงเถียนโดย“สมาชิกในครอบครัวแยกย้ายอาศัยอยู่ใน6 ประเทศ” หลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมต้นเจี๋ยเสี่ยวเยว่เดินทางไปหลายประเทศและมาจบลงที่อิตาลีตอนนี้เมื่อเธอย้อนคิดถึงสมัยที่เธอตัวคนเดียวจากบ้านเกิดเมืองนอนชีวิตที่ต้องทำงานขยันขันแข็งเธอไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใดเลยกลับมีแต่ความสุขเธอได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรมากมายในอิตาลีรวมถึงคุณป้าเจ้าของบ้านที่มอบดอกไม้ให้เธอสอนภาษาอิตาลีให้เธอยังมีชายชราที่เชิญชวนเธอไปชมภาพยนตร์รอบสุดท้ายฟรีที่โรงหนังของเขาเสมอ

เจี๋ยเสี่ยวเยว่ทุ่มเทให้กับการเรียนภาษาอิตาลีมาก“ตอนที่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งเธอจะพกพจนานุกรมติดตัวหยิบออกมาเปิดค้นได้ตลอดเวลาเธอมักจะเขียนเรื่องสั้นๆด้วยภาษาอิตาลีแล้วขอให้เจ้าของบ้านหรือเพื่อนๆช่วยปรับแก้” เธอพบประกาศรับสมัครงานจากการอ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจึงกลายเป็นพนักงานชาวจีนคนแรกในโรงงานแพคเกจสลัด

เพื่อที่จะพัฒนาภาษาอิตาลีของเธออย่างต่อเนื่องดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างเจี๋ยเสี่ยวเยว่จะไปโรงเรียนเพื่อเรียนภาษามีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเธอเดินเข้าไปในโรงเรียนแห่งหนึ่งเห็นครูชาวอิตาลีผมขาวกำลังขะมักเขม้นกับการสอนภาษาอิตาลีให้กับชาวจีนกลุ่มหนึ่งเธอจึงเสนอตัวเข้าไปเป็นอาสาสมัครคุณครูชื่อปิยองชีท่านนี้รู้สึกแปลกใจมากว่าคนที่พูดภาษาอิตาลีได้ดีมากแล้วทำไมจึงยังมาเรียนที่โรงเรียนอีก“ฉันตอบว่า: ฉันอยากใช้ภาษาได้ดีถึงขนาดว่าสามารถโต้เถียงเอาชนะคุณได้” เจี๋ยเสี่ยวเยว่เล่าหลังจากนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนรักกันปิยองชีเป็นนักวิชาการจีนศึกษา“เขารู้ว่าคนจีนจากมณฑลเจ้อเจียงอพยพมาอาศัยอยู่ในอิตาลีจำนวนมากแต่ไม่รู้ว่าอยู่จุดใดบ้าง” เจี๋ยเสี่ยวเยว่ได้ติดต่อรัฐบาลท้องถิ่นผ่านครอบครัวของเธอในชิงเถียนจัดการให้ปิยองชีไปเยือนชิงเถียนและด้วยโอกาสในครั้งนั้นเธอจึงเกิดประกายความคิดที่จะกลับไปจีนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ

ในความคิดของเจี๋ยเสี่ยวเยว่แล้วร้านอาหารแห่งนี้ยังเป็นเครื่องระลึกถึงภาพความทรงจำที่สวยงามระหว่างเพื่อนเก่าของเธอส่วนเชฟจีจี้มักทำให้เธอคิดถึงชาวอิตาเลียนมากมายที่เธอเคยพบเจอยังมีคนที่เธอรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

ในวันเกิดของจีจี้ปีนี้เจี๋ยเสี่ยวเยว่ต้องการส่งความอบอุ่นให้กับเชฟที่พูดได้แต่ภาษาอิตาลีท่านนี้และไม่แน่ใจว่าเขาจะปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในประเทศจีนในระยะยาวได้หรือไม่เธอเลือกร้านกาแฟMermaid Cafe เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดซึ่งตั้งอยู่ถัดจากร้านเฉียวเย่ลีแมรี่เจ้าของร้านMermaid Café เป็นชาวอิตาลีเช่นกันเธอเป็นนักออกแบบเครื่องประดับเป็นเพื่อนที่เจี๋ยเสี่ยวเยว่รู้จักในอิตาลีตอนที่แมรี่มาเที่ยวหาเจี๋ยเสี่ยวเยว่ที่ประเทศจีนเธอได้ตกหลุมรักชิงเถียนในที่สุดเธอจึงตัดสินใจเปิดร้านกาแฟและร้านขายเครื่องประดับถัดจากร้านเฉียวเย่ลีเจี๋ยเสี่ยวเยว่ยังเชิญเพื่อนๆจากร้านค้าในบริเวณนั้นซึ่งบางคนเป็นนักชิมไวน์ที่กลับมาจากอิตาลีบางคนเป็นตัวแทนจำหน่ายแฮมสเปนและไวน์แดงจากประเทศยุโรปพวกเขาใช้ภาษาอิตาลีร่วมกันร้องเพลง“สุขสันต์วันเกิด” อวยพรจีจี้บรรยากาศในงานเลี้ยงเปี่ยมด้วยความรักความผูกพัน

ในช่วงครึ่งหลังจีจี้หยิบกีตาร์และฮาร์โมนิก้าขึ้นมาและเริ่มบรรเลงดนตรีเพลงแล้วเพลงเล่าเขาแต่งเพลงขึ้นเพลงหนึ่งเจี๋ยเสี่ยวเยว่นำไปแปลเป็นภาษาจีนทุกคนร้องเพลงครอไปกับเสียงดนตรีของจีจี้“อย่าหลงทิศทางนะนักรบทุกรุ่งอรุณกำลังรอคุณอยู่ซึ่งมีที่เหมือนกันและมีที่แตกต่างกันการเผชิญหน้ากับมันคือสิ่งเดียวที่คุณทำได้”

เมนูอาหารของจีจี้