เกี่ยวกับความเป็นไปได้มากมายในการพัฒนาชนบท
ปัจจุบันกำลังมีกระแสการพัฒนาชนบทในประเทศจีนใช่หรือไม่คำตอบคือใช่
ในประเทศจีนแรงจูงใจในการไปอยู่ชนบทก็คือความต้องการมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่มากขึ้นขอเพียงการคมนาคมสะดวกและเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้การใช้ชีวิตในชนบทก็มีความเป็นไปได้ด้วยเหตุนี้กระแสการพัฒนาชนบทของจีนจึงได้เกิดขึ้นสถาปนิกศิลปินคนหนุ่มสาวที่กลับมาอยู่บ้านเกิดเหล่าฮิปสเตอร์สายธรรมชาติชนชั้นกลางในเมืองและผู้ประกอบการที่รักการพัฒนาชนบทต่างก็เข้ามาร่วมในกระแสนี้และชนบทก็ได้เริ่มวาดฉากใหม่
ศิลปะแห่งชนบทในสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมชนบทในช่วงไม่กี่ปีมานี้การออกแบบที่ยอดเยี่ยมในชนบทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีเปลือกที่หรูหรามีแต่ความเรียบง่ายอบอุ่นและไม่ซับซ้อนแสดงถึงชีวิตชีวาที่เป็นเอกลักษณ์ของชนบทและสไตล์ความเป็นชนบทที่มีเสน่ห์
หมู่บ้านต้าหนานโพในอำเภอซิวอู่มณฑลเหอหนานซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองอยู่ช่วงหนึ่งด้วยทรัพยากรถ่านหินที่มีอยู่ในธรรมชาติของบริเวณนี้แต่หลังจากทรัพยากรหมดลงการพัฒนาของหมู่บ้านจะเป็นอย่างไรต่อเมื่อปี2559 อำเภอซิวอู่เริ่มสำรวจแนวทางการพัฒนา“ศิลปะของอำเภอ” ด้วยการรวบรวมทรัพยากรทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดเป็นแผนโครงการต้าหนานโพขึ้นมา
การสร้างภูมิทัศน์ทางสถาปัตยกรรมเป็นส่วนสำคัญของแผนโครงการต้าหนานโพกลุ่มอาคารสาธารณะเช่นอาคารสำนักงานยุ้งฉางสหกรณ์การตลาดและการจัดซื้อที่สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ1970 ประกอบด้วยลาน3 กลุ่มที่มีความสูงต่ำของลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันหลังจากการวางแผนปรับปรุงลานหลักทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักสำหรับผู้มาเยือนเพื่อเข้าสู่กลุ่มอาคารประกอบด้วยศูนย์ศิลปะต้าหนานโพโรงน้ำชาพื้นที่วัฒนธรรมชนบทฯลฯลานยกสูงประกอบด้วยศูนย์สร้างสรรค์ชุมชนและพื้นที่สำนักงาน ลานด้านล่างประกอบด้วยพื้นที่ของสหกรณ์ปี้ซานการตลาดและการจัดซื้อ(สาขาเมืองเจียวจั้ว) โรงอาหารท้องถิ่นและเวทีละคร
เมื่อปี2562 หมู่บ้านต้าหนานโพได้เริ่มฟื้นฟูแบบบูรณาการตั้งแต่สถาปัตยกรรมไปจนถึงวัฒนธรรมชนบทการบูรณะและปรับปรุงอาคารเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของหมู่บ้านต้าหนานโพและปลุกกระแสให้ชาวบ้านเกิดการยอมรับในบ้านเกิดของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้แก่หมู่บ้านด้วยการปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยเชิงพื้นที่ในรูปแบบใหม่อีกด้วย
ปีกเศรษฐกิจใหม่ในวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
ภายใต้เงื่อนไขของการสำรวจและการใช้ทรัพยากรในชนบทอย่างเหมาะสมการพัฒนาอุตสาหกรรมในชนบทกำลังได้รับการปรับโฉมใหม่และผลิตภัณฑ์ย่อยๆก็กำลังกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น
อำเภอหนานหัวในแคว้นปกครองตนเองชนชาติหยีฉู่สยงมณฑลยูนนานเป็นที่รู้จักในฐานะ“เมืองแห่งเห็ดป่าของจีน” มาโดยตลอดตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปีงานหลักของเกษตรกรคือเก็บเห็ดป่าและขายเห็ดในช่วงฤดูที่เห็ดออกสู่ตลาดตลาดซื้อขายเห็ดป่าหนานหัวได้กลายเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในอำเภอปริมาณการไหลเวียนของผู้คนในตลาดอาจสูงถึง5 - 6 พันคนต่อวันปริมาณการค้าปลีกโดยรวมมากกว่า200 ตันและมูลค่าการซื้อขายต่อวันประมาณ20 ล้านหยวน
หลูเฟิ่งฉิน สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสาขาวิชาเอกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนหน้านี้เธอได้ลาออกจากงานในคุนหมิงและตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาขายเห็ดกับพ่อของเธอเมื่อเร็วๆนี้นอกจากร้านค้าที่เปิดทุกวันแล้วหลูเฟิ่งฉินยังได้เล็งเห็นว่าการไลฟ์สดอีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางใหม่ในการแข่งขันอีกด้วย
เวลา14.00 - 16.00 น.ของทุกวันหลูเฟิ่งฉินจะปรากฏตัวในช่องไลฟ์สดตรงเวลาเธอสวมชุดชนชาติหยีที่สวยงามและแนะนำเห็ดชนิดต่างๆ เธอเริ่มไลฟ์สดขายสินค้าเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ต่อมาในเดือนกันยายนจำนวนผู้ชมในช่องไลฟ์สดเพิ่มขึ้นเป็นวันละ1,000 - 2,000 คนและมียอดขายประมาณ3,000 - 4,000 หยวนคิดเป็น20% ของรายได้รวมของร้านผู้ค้าเห็ดซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบใหม่ในการขายเห็ดป่าจากภูเขาในยูนนานให้ไปเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารทั่วโลก
การสืบทอดและความรักในวัฒนธรรม
วัฒนธรรมกับการสืบทอดไม่อาจแยกออกจากกันได้และการสืบทอดจำเป็นต้องมีสายเลือดใหม่เข้ามาเปลี่ยนถ่ายอย่างต่อเนื่องคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งที่ชื่นชอบมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นยังคงคิดค้นและสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องทำให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจำนวนมากที่ใกล้จะเลือนหายไปได้กลับคืนสู่สายตาของผู้คนในรูปลักษณ์ใหม่ได้รับการชื่นชมและยอมรับอีกครั้ง
เจี่ยงเสี่ยวต้งเกิดในครอบครัวช่างตีเส้นใยฝ้าย หวงชุ่ยผิงแม่ของเขาเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่5 เขาเฝ้าดูแม่ของเขาทำผ้านวมมาตั้งแต่เด็กหลังจากที่เขาทำงานแต่งงานและมีลูกผ้านวมที่แม่ของเขาทำเองกับมืออยู่เคียงข้างลูกทุกคืน เขาค่อยๆตระหนักถึงความอบอุ่นของงานฝีมือประเภทนี้“การสั่นสะเทือนของเส้นเอ็นที่ใช้ตีฝ้ายจะทำให้เส้นใยฝ้ายเปิดผ้านวมที่ผลิตด้วยเทคนิคนี้มีพื้นที่เก็บความร้อนมากขึ้นทนทานกว่าและให้สัมผัสที่แตกต่างของดีเช่นนี้ย่อมมีแนวโน้มตลาดที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน”
เมื่อปี2562 เขาได้จดทะเบียนแบรนด์โรงงานของแม่และเริ่มดำเนินการสร้างแบรนด์เส้นใยฝ้ายที่ตีแบบแฮนด์เมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปียอดขายของแบรนด์ก็ทะลุ2 ล้านหยวน
ต่อมาในปี2563 แบรนด์ได้เข้าสู่แพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ผ้าห่มที่ครั้งหนึ่งเคยขายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านญาติและเพื่อนๆใกล้ตัวเท่านั้นปัจจุบันได้จำหน่ายไปทั่วประเทศจีนทางออนไลน์ ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงานให้กับชาวบ้านในท้องถิ่นอีกด้วย
“เทคนิควิธีซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากในชนบทแท้จริงแล้วไม่ได้หายไปจากกระแสสังคมยุคใหม่ควรจะให้ผู้คนที่รักวัฒนธรรมเก่งด้านการออกแบบและเข้าใจตลาดเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเพื่อให้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้เปล่งประกายชีวิตชีวาใหม่ๆ” ในผู้สืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมรุ่นหนุ่มสาว เจี่ยงเสี่ยวต้งรู้สึกว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนเสน่ห์ของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมก็ยังคงอยู่เสมอ เพียงแต่จำเป็นต้องใช้มุมมองแห่งยุคสมัยเพื่อหาแนวทางเพิ่มเติมในการเปิดกว้างออกไป