"ทุเรียน ฟรีดอม" จะเกิดขึ้นในจีนจริงหรือไม่
เมื่อถึงฤดูทุเรียนมาถึง ราคาของทุเรียนก็จะลดลง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ซูเปอร์มาร์เก็ตสดของกรุงปักกิ่ง ราคาทุเรียนหมอนทองของไทยลดลงเหลือ 51.8 หยวน (ราว 262.9 บาท) ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาทุเรียนก้านยาวของเวียดนามเหลือเพียง 39.78 หยวน (ราว 202 บาท) ต่อกิโลกรัม ด้วยราคาที่ลดลงทําให้ผู้บริโภคหันไปซื้อทุเรียนในซูเปอร์มาร์เก็ตและมักจะต่อคิวยาวหน้าแผงขายทุเรียน
ส่วนสาเหตุที่ราคาทุเรียนลดลงก็เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานในตลาด เนื่องจากทุเรียนของไทยและเวียดนามเข้าสู่ท้องตลาดในช่วงเดียวกัน ประกอบกับความสุกไม่เท่ากันที่เกิดจากภัยแล้งในประเทศไทย และผลผลิตทุเรียนของจีนเพิ่มขึ้น ทําให้อุปทานทุเรียนในตลาดจีนมีเพียงพอและราคาลดลง ในตลาดซินฟาตี้ของกรุงปักกิ่ง ราคาขายส่งทุเรียนก็ลดลงเช่นกัน ราคาตั้งแต่ 46หยวน (ราว 233.5 บาท) ถึง 80หยวน (ราว 406 บาท) ต่อกิโลกรัม และพ่อค้าบางรายได้เปิดตัวราคาพิเศษที่ 31.8หยวน(ราว 161.4 บาท) ต่อกิโลกรัม
ผู้รับผิดชอบตลาดกล่าวว่าสาเหตุหลักที่ทําให้ราคาทุเรียนลดลงคืออุปทานเพียงพอและตลาดขายได้ประมาณ 300 ตันต่อวัน
ปัจจุบันทุเรียนในตลาดจีนพึ่งพาการนําเข้าเป็นหลัก และทุเรียนของจีนยังมีปริมาณไม่มากนัก ทั้งนี้ พื้นที่ปลูกทุเรียนในมณฑลไหหลําเกือบ 40,000 หมู่ (ราว 16,597.5 ไร่) และคาดว่าในปี 2567 ผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 200 ตันเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตนี้ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับการบริโภคในตลาด และทุเรียนนําเข้าจะยังคงเป็นกระแสหลักของตลาดจีนในระยะสั้น
ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลก จีนมีผลกระทบสําคัญต่อตลาดทุเรียนต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนและการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีน ทําให้ความต้องการผลไม้นําเข้าระดับไฮเอนด์ เช่น ทุเรียน จึงเพิ่มมากขึ้น และประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจกับตลาดจีนมากขึ้น อนึ่ง ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน การปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ และการเก็บเกี่ยวในพื้นที่การผลิต ล้วนมีส่วนทําให้อุปทานทุเรียนในตลาดจีนเพิ่มขึ้นและทําให้ราคาลดลง
แหล่งที่มา: cfi.net.cn
โกว เสี่ยวหรง/แปล
จารุวรรณ อุดมทรัพย์/พิสูจน์อักษร